วิธีการดูแลตัวเองให้สุขภาพดี 

ดูแลตัวเองให้สุขภาพดี  สำหรับหลักการที่จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีได้นั้นเราจะต้องมีการกินอาหารที่ดีและมีประโยชน์และจะต้องออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและที่สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ  ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้คือเรื่องเบสิคธรรมดาทั่วไปที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วอย่างไรก็ตามเราจะมาจำแนกเกี่ยวกับการดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีจากทั้ง 3 อย่างนั้นจะต้องทานอาหารอย่างไรถึงจะทำให้สุขภาพดีหรือจะต้องดูแลตนเองอย่างไรถึงจะให้สุขภาพดี

สำหรับการทานอาหาร  นั้นนอกจากคนเราจำเป็นที่จะต้องทานอาหารให้ครบสารอาหารทั้ง 5 หมู่แล้วการทานอาหารให้ตรงเวลาก็จะทำให้สุขภาพของเราดีเพราะเราจะไม่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารเพราะถ้าหากว่าเราทานอาหารไม่ตรงเวลาก็อาจจะทำให้เราเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารได้ดังนั้นเราจึงควรทานอาหารให้ตรงเวลาทุกวัน 

7 วัน 7 วิธี เคล็ดลับสุขภาพดี รับปี 2558

 

ซึ่งในช่วงเช้านั้นเราสามารถทานอาหารได้ตั้งแต่ 6 โมงถึง 8 โมงเช้าส่วนในช่วงเวลากลางวันนั้นเราสามารถทานอาหารได้ตั้งแต่ 11:00 น ไปจนถึงเที่ยงและช่วงเวลาเย็นนั้นเราควรจะทานอาหารก่อน 6 โมงเย็นโดยอาหารเย็นนั้นเราควรที่จะทานอาหารไม่ต้องมากและเน้นทานผักผลไม้และเนื้อสัตว์  

ที่สำคัญในระหว่างวันนั้นเราควรจะดื่มน้ำมากๆให้เพียงพอกับที่ร่างกายของเราต้องนำไปใช้งานซึ่งโดยปกติแล้วเราจะต้องดื่มน้ำไม่ต่ำกว่าวันละ 1.5 ลิตรถึง 2 ลิตร  เมื่อเราทานอาหารที่มีประโยชน์ทานน้ำที่เพียงพอที่ร่างกายจะนำไปใช้งานได้มันจะช่วยให้เราสุขภาพดีผิวพรรณเปล่งปลั่งมีความชุ่มชื่นและที่สำคัญยังช่วยให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายเป็นปกติ

นอกจากนี้ถ้าหากเราอยากจะมีสุขภาพที่ดีและไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บได้ง่ายแล้วเราก็ควรจะต้องดูแลตนเองด้วยการออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละประมาณ 3-4 ครั้งก็ยังดีซึ่งการออกกำลังกายแต่ละครั้งนั้นอาจจะต้องไม่ใช้เวลานานก็ได้เราออกกำลังกายเพียงให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นและอวัยวะภายในของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็เพียงพอแล้วซึ่งเราอาจจะใช้เวลาเพียงแค่ครั้งละ 30 นาทีก็ได้

 ที่สำคัญอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนอนหลับเราควรจะนอนให้เหมาะสมกับร่างกายต้องการเนื่องจากว่าระหว่างวันเราโหมใช้งานร่างกายเราอย่างมากแล้วดังนั้นในช่วงเวลานอนร่างกายเราจึงจำเป็นที่จะต้องซ่อมแซมตัวมันเองซึ่งเราควรจะต้องให้เวลาในการซ่อมแซมร่างกายอยู่ที่ประมาณ 6-8 ชั่วโมงตื่นเช้าขึ้นมารับรองได้เลยว่าคุณจะรู้สึกสดชื่นแจ่มใสและพร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ 

นอกเหนือจากเรื่องของอาหารการกินและการดูแลตนเองแล้วการที่เราใส่ใจตนเองด้วยการหากิจกรรมทำร่วมกับคนในครอบครัวมันก็จะส่งเสริมให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีซึ่งมันจะทำให้เรายิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นคนคิดบวก ซึ่งถ้าหากว่าเราทำได้พร้อมทั้งหมดตามที่กล่าวไปข้างต้นรับรองได้เลยว่ามันจะเป็นการดีต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจของเราอย่างมากเลยทีเดียว 

 

 

สนับสนุนโดย    hoiana เวียดนาม

3 อาหารยิ่งทานยิ่งเสี่ยงอ้วนลงพุง

ถึงแม้ว่าการเลือกรับประทานอาหารในสมัยปัจจุบันนี้จะมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายของเรามากขนาดไหนก็ตาม

แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารบางประเภทที่ร้องรับประทานเข้าไปอยู่บ่อยๆนั่นก็อาจเป็นตัวกระตุ้นหรืออาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเราได้เช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายคนที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก มีคนที่กำลังอยากผอม

ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนนั้นมักที่จะมีพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม จนทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวหรือบางคนอาจจะอ้วนลงพุงได้นั่นเอง ยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่เราทานอยู่บ่อยๆนั้นไม่ว่าจะเป็น ของทอดทอดมันมัน หรือแม้แต่แป้งน้ำอัดลมของหวานก็ถือเป็น หนึ่ง ในปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เรานั้นเสี่ยงต่อการ เป็นโรคอ้วนหรืออ้วนลงพุงได้นั่นเอง

ฉะนั้น การที่เราให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย รวมไปจนถึงการให้ความสำคัญในการเลือกโภชนาการที่ดีถือเป็น หนึ่ง ในปัจจัยสำคัญที่นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี

ยังถือเป็น หนึ่ง ในปัจจัยสำคัญในการป้องกันการเกิดโรคร้ายหรือป้องกันไม่ให้ตนเองนั้นอ้วนลงพุงนั่นเอง ฉะนั้น สำหรับใครที่มีพฤติกรรม ที่ทำให้น้ำหนักของตัวเองเพิ่มขึ้นวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูอาหารทียิ่งเราท่านก็จะยิ่งทำให้ไขมันสะสมหรือทำให้เราอ้วนลงพุง จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างไปดูกันเลย

1.อาหารแปรรูป แน่นอนว่าอาหารประเภทนี้เป็น หนึ่ง ในอาหารที่เราสามารถหาทานได้ง่าย

แถมยังเป็นอาหารที่สามารถเก็บไว้ทานได้นานจึงทำให้หลายๆคนมองว่าคุ้มค่าที่เราจะซื้อ แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารแปรรูปส่วนใหญ่นั้น ยิ่งเรารับประทานบ่อยๆนอกจากจะทำให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารได้ไม่เพียงพอแล้วยังอาจทำให้ร่างกายของเราเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนหรืออ้วนลงพุงได้ง่าย เพราะอาหารเหล่านี้จะยิ่งทำให้แคลอรี่ของเราเพิ่มมากขึ้น เพราะอาหารแปรรูปส่วนใหญ่ จะเพิ่มน้ำตาลเข้าไปในปริมาณที่สูงมากๆหากเราทานเป็นประจำก็จะทำให้เราอ้วนลงพุงได้นั่นเอง

2.อาหารที่มีน้ำตาลสูง ไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน เครื่องดื่ม น้ำอัดลม รวมไปจนถึงอาหารอื่นๆที่อุดมไปด้วยน้ำตาลสูง

ซึ่งหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าอาหารประเภทนี้ยิ่งเราทานเป็นประจำก็จะยิ่งทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบ เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มไขมันส่วนเกินให้แก่ร่างกายยังเป็นการทำให้ร่างกายของเรานั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ เพราะอาหารเหล่านี้จะอุดมไปด้วยน้ำตาลปริมาณสูงมากๆ ยิ่งถ้าเราคลานเข้าไปเยอะๆก็จะยิ่งเพิ่มน้ำตาล ในร่างกาย จนนำไปสู่การมีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

3.อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตขัดสี ถึงแม้ว่าอาหารเหล่านี้จะไม่ได้เป็นการเพิ่ม น้ำหนักตัวของเราได้โดยตรง

แต่อาหารประเภทนี้ก็มีส่วน เกี่ยวข้องกับการเพิ่มไขมันส่วนเกินภายในร่างกายของเราได้เช่นกัน เพราะหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตขัดสี สารอาหารหลักก็คือน้ำตาล ยิ่งถ้าเราทานเยอะๆหรือทานบ่อยๆนั้นถ้าอาจจะเป็นการสะสม ไขมันส่วนเกินจนทำให้ร่างกายของเราอ้วนลงพุงได้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ

ตลาดการพนันกีฬาที่ผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกาไม่ใช่ธุรกิจมูลค่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์

ศาลฎีกาสั่งห้ามการพนันกีฬาของรัฐบาลกลางเป็นเวลา 25 ปีนอกเนวาดา คำถามใหญ่ในใจของหลายๆ คน

โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐและบริษัทต่างๆ เช่น MGM Resorts และ DraftKings ที่ต้องการเงินสดเข้ามา คือจำนวนเงินที่ต้องเดิมพัน บทความหลายบทความเกี่ยวกับการตัดสินอ้างถึงตัวเลขที่สะดุดตา: ชาวอเมริกันเดิมพันประมาณ 150 พันล้านเหรียญสหรัฐในการเดิมพันกีฬาที่ผิดกฎหมายทุกปี

ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์มหภาค ฉันคุ้นเคยกับการจัดการกับตัวเลขจำนวนมาก ถึงกระนั้นเงิน 150 พันล้านเหรียญก็ทำให้ฉันสูงเกินไป

ถ้ามองในแง่นี้ คนอเมริกันใช้จ่ายมากกว่าการไปดูหนังถึง 14 เท่า มากเป็น 2 เท่าของค่าดูแลขนและให้อาหารสัตว์เลี้ยง และพอๆ กับค่าผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์จากนม ตัวเลขดังกล่าวมาจาก American Gaming Association ซึ่งเป็นตัวแทนของสหรัฐอเมริกา อุตสาหกรรมคาสิโนและทำงานเพื่อลดข้อ จำกัด

ในการเล่นการพนัน มันบอกว่ามันใช้ตัวเลขนี้จากการประมาณการของรัฐบาลในปี 2542 ประมาณ 80 พันล้านดอลลาร์ในการพนันกีฬาที่ผิดกฎหมาย กลุ่มซึ่งอธิบายว่านี่เป็น “การประมาณการที่อนุรักษ์นิยมที่สุด” จากนั้นจึงปรับเป็นดอลลาร์ปี 2560 โดยใช้การเติบโตของจีดีพี

ฉันไม่ใช่คนแรกที่จับผิดตัวเลขเหล่านี้ บทความในปี 2014 ใน Slate ได้ตั้งคำถามถึงการประมาณการที่สูงขึ้นซึ่งก็คือ 380,000 ล้านดอลลาร์

ซึ่งดึงมาจากรายงานฉบับเดียวกัน การตรวจสอบการศึกษาพื้นฐานพบว่าการประมาณดังกล่าวไม่ได้มาจากการวิจัยอย่างจริงจัง แม้ว่าตัวเลขจะไม่มีพื้นฐานที่แท้จริง แต่ก็มีผลกระทบจริง หลายรัฐต้องการรายได้จากภาษีมากขึ้น หากเงินดอลลาร์ที่มีศักยภาพมากพอ หลายๆ รัฐจะรีบเร่งอนุญาตให้มีการพนันกีฬา

เนื่องจากเกือบ 20 แห่งกำลังดำเนินการอยู่ รวมทั้งรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งอยู่เบื้องหลังการฟ้องร้องที่ส่งผลให้มีการพิจารณาคดีของศาลสูง

ตัวอย่างในโลกแห่งความเป็นจริง ดังที่ฉันทราบจากการทำงานด้านเศรษฐศาสตร์ มีวิธีที่ดีกว่าในการประมาณการมากกว่าการดึงตัวเลขออกมาโดยลมๆ แล้งๆ สิ่งแรกที่คุณทำในกรณีดังกล่าวคือมองหาตัวอย่างในโลกแห่งความเป็นจริง ในกรณีนี้ ข้อมูลจากสหราชอาณาจักรซึ่งอนุญาตให้มีการพนันกีฬามานานหลายทศวรรษ

โดยมีร้านเดิมพันหลายพันแห่งที่เสนออัตราต่อรองสำหรับทุกอย่างตั้งแต่การแข่งขันพรีเมียร์ลีกไปจนถึงการประสูติของพระราชกุมาร คณะกรรมการการพนันของสหราชอาณาจักรติดตามสถิติการเดิมพันและออกรายงานประจำปี รายการที่เผยแพร่ในเดือนมกราคมแสดงให้เห็นว่าชาวอังกฤษวางเดิมพันประมาณ 10 พันล้านปอนด์ในปีงบประมาณล่าสุด

เพื่อให้ได้ค่าประมาณที่เทียบเคียงได้สำหรับสหรัฐอเมริกา ตัวเลขดังกล่าวจำเป็นต้องปรับตามจำนวนประชากรและสกุลเงิน อังกฤษ. มีประชากรเพียงประมาณ 66 ล้านคน เทียบกับ 327 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา และเงินปอนด์มีมูลค่า 1.36 ดอลลาร์ในวันที่ 14 พฤษภาคม

หลังจากทำการปรับเปลี่ยนทั้ง 2 อย่างแล้ว สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าหากผู้คนในสหรัฐอเมริกา ได้รับอนุญาตให้เดิมพันในอัตราเดียวกับในสหราชอาณาจักร ขนาดของอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ประมาณ 67 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี แม้ว่าจะมีมหาศาล แต่ก็ห่างไกลจาก 150 พันล้านเหรียญ การพนันกีฬาที่ถูกกฎหมายจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือไม่? ใช่ แต่ไม่ยิ่งใหญ่เท่าที่ผู้เสนอต้องการให้คุณเชื่อ

 

สนับสนุนโดย    hoiana casino

ผลกระทบจากการออกกำลังกายมากเกินไป

ถึงแม้ว่าในสมัยปัจจุบันนี้ การออกกำลังกายจะเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก

แต่รู้หรือไม่ว่าการออกกำลังกายให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากที่สุดนั้นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและพอดี เพื่อให้ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราได้มากที่สุดเนื่องจากคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมองว่าการออกกำลังกายมีประโยชน์หากเรา มันออกเยอะๆ หรือเล่นมากขึ้น

ก็จะยิ่งทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีแต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นการออกกำลังกายในสมัยปัจจุบันนี้มีมากมายหลากหลายรูปแบบ

ซึ่งในแต่ละรูปแบบนั้นก็จะมีประโยชน์และมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แต่ขอบอกเลยว่าการที่เราออกกำลังกายมากจนเกินไปนั้นจะยิ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเรารวมไปจนถึงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเราได้เช่นกัน

ฉะนั้น ไม่ว่าการออกกำลังจะมีประโยชน์มากขนาดไหนก็ตามเราก็ควรที่จะออกอย่างพอดีและเหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายของเราได้มากที่สุด ไม่ควรที่จะไปหักโหมมากจนเกินไปเพราะจะยิ่งทำให้การออกกำลังกายไม่มีประสิทธิภาพ และอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราได้ ดังนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกายมากเกินไปนั้นจะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย

  • ได้รับอาการบาดเจ็บ

แน่นอนว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราหักโหมจากการออกกำลังกายมากจนเกินไปนั้น จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับบาดเจ็บภายในร่างกาย ซึ่งในบางครั้งอาจทำให้เอ็นฉีกขาดกล้ามเนื้ออักเสบหรืออาจเกิดอาการบาดเจ็บอื่นๆจากการออกกำลังกายที่เราเลือกเล่นได้เช่นกัน

  • การแบ่งเวลาทำสิ่งอื่นไม่ได้

หากเราให้ความสำคัญกับการเล่นกีฬามากจนเกินไปแน่นอนว่าจะทำให้เรานั้นไม่มีเวลาที่จะไปทำกิจกรรมอื่นหรือไปสนใจการใช้ชีวิตในประจำวันอื่นๆของตนเอง ซึ่งหากใครลองสังเกตหากเราออกกำลังกายมากจนเกินไป จะทำให้เรานั้นไม่สามารถจัดแบ่งเวลาที่เหมาะสมในการใช้ชีวิตของตนเองได้ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการออกกำลังกายมากจนเกินไปนั่นเอง

  • ไม่รู้สึกสนุกกับการออกกำลังกาย

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราหักโหมหรือออกกำลังกายมากจนเกินไปนั้น ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์ แต่หากเราเล่นเยอะมากจนเกินไปนั้นอาจจะทำให้เรามีความรู้สึกเบื่อหรือไม่มีความรู้สึกอยากออกกำลังกายอีกเลย เพราะการที่เราทำอะไรซ้ำๆทำอะไรเดิมเดิมจะทำให้เรารู้สึกเบื่อง่าย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมไหนก็ตามรวมไปถึงการออกกำลังกาย

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว

ส่องอาหารเพื่อสุขภาพที่คนรักสุขภาพไม่ควรมองข้าม

เนื่องจากการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงในสมัยปัจจุบันนี้ มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองกันสักเท่าไหร่ จึงทำให้ร่างกายนั้นอาจะได้รับความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ง่าย

โดเฉพาะอย่างยิ่งร่างกายอ่อนแอ เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ฉะนั้น การให้คามสำคัญในการดูแลสุขภาพร่างกาย รวมไปถึงการออกกำลังกาย หรือการเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ก็เป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพื่อที่จะได้ช่วยเสริมสร้างส่วนต่าง ๆ

ภายในร่างกายให้มีความแข็งแรงนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่รักสุขภาพยิ่งต้องให้ความสำคัญในการเลือกรับประทานอาหาร และการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองอยู่เสมอ

เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก   อย่างไรก็ตาม วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่า จะมีอาหารเพื่อสุขภาพประเภทไหนบ้างที่เหล่าคนนักสุขภาพนั้นไม่ควรที่จะมองข้าม ไปดูกันเลย 

  • ผักผลไม้

แน่นอนว่าอาหารประเภทนี้ล้วนแต่มีประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายของเราทั้งนั้น ยิ่งหากใครอยากมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง หรือคนที่รักสุขภาพ การเลือกทานผักหรือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารอย่างครบถ้วนเพื่อเป็นหนึ่งในตัวช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรง และเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ รับรองได้เลยว่าหากทานเป็นประจำจะยิ่งดีต่อร่างกายอย่างแน่นอน 

  • สาหร่ายทะเล

รู้หรือไม่ว่าสาหร่ายทะเล เป็นหนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพที่เหล่าคนรักสุขภาพนั้นไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยถูกปาก ทานง่าย ยังอุดมไปด้วยใยอาหาร ที่สามารถช่วยในเรื่องของการกระตุ้นระบบขับถ่าย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรคนอกจากนี้ยังสามารถช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยลดผมขาดหลุดร่วง

และเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่เราไม่ควรมองข้าม อย่างไรก็ตาม หากใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่ดี การนำสาหร่ายทะเลมาประกอบอาหารเพื่อสุขภาพรับรองได้เลยว่าจะยิ่งดีต่อร่างกายอย่างแน่นอน 

  • ปลาทูน่า

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าปลาทูน่านั้น เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกายเยอะมาก ๆ ยิ่งถ้าเรานำมาทำเป็นอาหารเพื่อสุขภาพก็จะยิ่งดีต่อร่างกายของเรา สำหรับสายสุขภาพขอบอกเลยว่าการทานปลาทูน่าเป็นประจำก็จะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้

ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย แถมยังเหมาะสมสำหรับคนรักสุขภาพ คนที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก หรือหากใครที่อยากเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี ขอบอกเลยว่าการทานอาหารประเภทนี้เป็นประจำช่วยได้อย่างแน่นอน

เปิดตัวช่วยดี ๆ ที่ช่วยลดแก๊สในกระเพาะอาหารได้

ปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นหนึ่งในปัญหาที่พบเจอได้บ่อยมาก ๆ ในสมัยปัจจุบันนี้ แถมคนส่วนใหญ่ยังมีความเสี่ยงกันเยอะมาก ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีแก๊สในกระเพาะอาหาร แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยปกติทั่วไป จึงทำให้หลายคนนั้นมองว่าเป็นเรื่องที่ปกติ ไม่ได้มีความรุนแรงแต่อย่างไร

แต่รู้หรือไม่ว่า ถึงแม้ว่าอาการธรรมดาที่เกิดขึ้น จะเป็นเรื่องที่ปกติ ที่หลายคนคุ้ยเคย แต่เราก็ไม่ควรที่จะมองข้าม เพราะอาจจะก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงมากขึ้น จนเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่ายนั่นเอง และหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า ปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อ

หรือการมีแก๊สในกระเพาะอาหารนั้นมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารเป็นหลัก รวมไปถึงการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด ทานอาหารย่อยได้ยาก และรับประทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลา จนก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เหล่านี้ขึ้น ฉะนั้น ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่หลาย ๆ คนมักจะมองหาวิธีในการแก้ไข

ซึ่งก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป หากใครที่กำลังพบเจอกับปัญหาเหล่านี้อยู่ วันนี้เราก็จะมาแนะนำตัวช่วยดี ๆ ที่จะช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และช่วยลดแก๊สในกระเพาะอาหาร เพื่อให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

1.สะระแหน่ เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สามารถบรรเทาอาการท้องอืด ลดแก๊สในกระเพาะอาหารได้ เพราะในสะระแหน่จะมีสารที่สามารถช่วยลดการละคายเคืองในกระเพาะอาหารได้ ทำให้กล้ามเนื้อภายในระบบทางเดินอาหารของเรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และที่สำคัญยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องที่อาจเกิดขึ้นจากการมีแก๊สเยอะได้อีกด้วย 

2.สับปะรด เป็นหนึ่งในผลไม้ที่หลายคนนั้นชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก แถมยังมีประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายของเราอีกด้วย ซึ่งรู้หรือไม่ว่า สับปะรดเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สามารถช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยลดแก๊สในกระเพาอาหารได้ เพราะผลไม้ชนิดนี้จะมีเอนไซม์ ที่มีส่วนช่วยในการย่อยโปรตีน สามารถช่วยรักษาอาการอักเสบภายในกระเพาะอาหารได้ แถมการทานสับปะรดเป็นประจำยังสามารถช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารให้ดีได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการขับปัสสาวะ เพื่อช่วยลดปัญหาแก๊สในกระเพาะได้อีกด้วย 

3.แตงกวา เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สามารถหาได้ง่ายมาก ๆ เพราะแตงกวาจะให้ความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวช่วยดี ๆ ที่สามารถช่วยรักษาอาการผิดปกติต่าง ๆ ภายในกระเพาะอาหารของเราได้ ซึ่งหากใครที่มีปัญหาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือมีแก๊สในกระเพาะอาหารที่เยอะมาก ๆ การที่เราทานแตงกวาเป็นประจำ ก็จะสามารถช่วยลดอาการต่าง ๆ เหล่านี้ได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก

เคล็ดลับแก้อาการเมาค้างได้

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้คงจะชื่นชอบการดื่มแอลกอฮอล์กันเป็นอย่างมากเพราะโดยปกติแล้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ ทำให้หลายๆคนนั้นรู้สึกบรรเทาจากความเครียดได้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังทำให้หลายๆคนนั้นรู้สึกผ่อนคลาย แต่รู้หรือไม่ว่าการที่ร่างกายของเราได้รับแอลกอฮอล์มากจนเกินไปนั้น

นอกจากจะส่งผลกระทบต่อร่างกายยังอาจทำให้ร่างกายของเราได้รับความเสี่ยง  เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่    ต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆได้ง่ายอีกด้วย

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากมีเวลาว่างและหลายคนก็มักที่จะออกไปตั้งวงดื่มแอลกอฮอล์กันอยู่บ่อยๆ อย่างไรก็ตาม ปัญหาของคนที่ชื่นชอบการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำนั่นก็คืออาการเมาค้าง ซึ่งอาการนี้เป็นหนึ่งในอาการที่พบเจอได้บ่อยหลังการดื่มแอลกอฮอล์

ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเรานั้นรู้สึกอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะหรือ บางครั้งอาจทำให้เรารู้สึกคลื่นไส้หรืออาเจียนได้ ซึ่งอาการนี้ถือเป็นหนึ่งในอาการที่พบเจอและแต่หลายคนมักที่จะมองหาวิธีในการแก้ไข แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะวันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายๆในการแก้อาการเมาค้าง ขอบอกเลยว่าสำหรับใครที่เป็นสายปาร์ตี้ต้องไม่พลาดอย่างเด็ดขาด

  • หลีกเลี่ยงการนอนมากเกินไป

สำหรับใครที่มีอาการเมาค้างรู้หรือไม่ว่าทางที่ดีเราควรที่จะหลีกเลี่ยงการนอนมากเกินไปเพราะในระหว่างที่เรานอนนั้นจะยิ่งทำให้เรามีอาการวิงเวียนศีรษะหรือปวดเมื่อยตามร่างกายหรืออ่อนเพลียได้ง่ายนั่นเอง ซึ่งทางที่ดีเราควรที่จะลุกออกไปสูดอากาศที่บริสุทธิ์ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น เพื่อให้การไหลเวียนเลือดในร่างกายของเรานั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  • การทานซุปร้อนๆ

หลายคนมองว่าการที่เราดื่มอะไรร้อนๆหรือทานอาหารอะไรที่มันร้อนๆไปอย่างเช่นซุป ถือเป็นหนึ่งใน สิ่งที่จะช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าการที่เราทานสุกก็ร้อนนั้น มันจะทำให้ร่างกายของเรารู้สึกดีหลังจากอาการเมาค้างได้ และทำให้ร่างกายของเรารู้สึกโล่งได้อีกด้วย

  • มีการเติมความเปรี้ยว

หลังจากอาการเมาค้างแน่นอนว่าร่างกายของเราจะมีอาการวิงเวียนศีรษะปวดหัว หรือบางครั้งอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เราเลือกรับประทานอาหารที่มีรสชาติประโยชน์จัดถือเป็นหนึ่งในอาหารที่จะสามารถบรรเทาอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี

เพราะจะสิ่งทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศรีษะ และยังดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย รับรองได้เลยว่าหากเราทานเป็นประจำนั้นนอกจากจะได้ประโยชน์ดีๆแล้วยังช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

แนะนำ 3 ผลไม้ช่วยต้านทานโรค

รู้หรือไม่ว่า การที่เราทานผลไม้เยอะ ๆ เป็นประจำ ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะผลไม้บางชนิดจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา และหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอ่างดีอยู่แล้วว่า ผลไม้ยิ่งทานยิ่งดีต่อสุขภาพผิวของเรา จึงทำให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ ส่วนใหญ่หันมาทานผลไม้กันมากขึ้นนั่นเอง

ซึ่งต้องบอกก่อนว่า การทานผลไม้สดใหม่ สะอาด ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมาก ที่เราจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายี่แข็งแรงได้อีกด้วย นอกจากนี้ ผลไม้บางชนิดยังมีส่วนช่วยในการป้องกันร่างกายของเราจากการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ

ที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายอีกด้วย เพราะผลไม้จะมีสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคบางประเภทได้ดีมาก ๆ หากเราทานเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่ต้องการสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และอยากป้องกันร่างกายจากโรคร้าย ก็ไต้องเป็นกังวลไป

เพราะวันนี้ เราจะมาแนะนำผลไม้ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคร้ายได้ รับรองได้เลยว่า    เครื่องช่วยฟัง    หากเราทานเป็นประจำจะยิ่งดีต่อร่างกาย จะมีผลไม้ชนิดไหนบ้างที่โรคร้ายกลัว ไปดูกันเลย 

1.ฝรั่ง

แน่นอนว่า ผลไม้ชนิดนี้สามารถหานทานกันได้ง่ายมาก ๆ แถมยังมีราคาถูก มีหลากหลายสายพันธุ์ให้เราได้เลือกทาน ซึ่งฝรั่งเรียกได้ว่าเป็นผลไม้พื้นบ้านที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี ใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ โดยสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวได้ ทำให้ภูมิต้านทานโรคของเราแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งหากเราทานเป็นประจำก็จะมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคร้ายได้นั่นเอง 

2.ส้มโอ

เป็นผลไม้ตามฤดูกาล แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเช่นกัน เพราะส้มโอนั้นจะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเบือดได้ สามารถช่วยจับสารก่อมะเร็ง ยิ่งถ้าเราทานเป็นประจำหลังมื้ออาหาร ก็จะมีส่วนช่วยในการขับลมในกระเพาะได้ดี ทำให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

3.มะขาม

  รู้หรือไม่ว่าในเนื้อมะขามนั้นมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้ประเดือนของผู้หญิงอย่างเรามาปกติแล้ว ยังมีกรดชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยเป็นยาระบายได้ ถึงแม้ว่าจะช่วยเป็นยาระบายแบบอ่อน ๆ แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา แถมยังมีส่วนช่วยในการป้องกันร่างกายจากโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายอีกด้วย 

มาทำความรู้จักกับโรคทางจิตเวช ที่หลายคนไม่ทราบมาก่อน

ในยุคสมัยนี้โรคจิตเวชเป็นกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันจะอันตรายมากๆถ้าหากว่าเราเป็นแล้วแต่เราไม่รู้ตัวมาก่อน ในกรณีคนที่เป็นหรือมีอาการแต่รู้ตัวก็รักษาได้ทัน แต่คนที่ไม่รู้ตัวถึงแม้ว่ามีอาการก็ตาม แต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคจิตเวชก็มีเยอะเช่นกัน

ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำข้อมูลสำหรับโรคจิตเวชที่ใครหลายๆคนยังไม่ทราบว่ามันมีอาการเป็นแบบไหน แล้วใครคือคนที่เข้าข่ายเป็นโรคจิตเวชนี้บ้าง และเราจะต้องมาทราบการแก้ไขเบื้องต้นการสังเกตเบื้องต้นว่าเราเป็นโรคจิตเวชหรือไม่ หรือคนรอบข้างเป็นเราจะสามารถแนะนำพวกเขาได้อย่างไร ก่อนอื่นมาทำความรู้จิกโรคจิตเวชนี้ก่อนเลย 

มาทำความรู้จักกับโรคทางจิตเวช มีอะไรบ้าง

1.โรคแพนิค

สำหรับโรคแพนิค คนทั่วไปมักจะยังไม่เป็นที่รู้จักกันนัก โดยโรคแพนิค นั้นเป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับจิตเวช โดยทั้วไปคนไข้ที่มีอาการที่เป็นโรคแพนิค นั้นมักจะมีอาการตื่นตะหนก โดยตัวเองไม่รู้ตัว เช่นหัวใจเต้นเร็วเกินปกติ แต่ตรวจอาการก็ไม่พบอะไร ซึ่งถ้าหากไปตรวจที่จิตเวชจะทราบว่าตนนั้นเป็นโรคแพนิค อาการทั้วไปที่พบกับคนไข้ก็คืออาการจะมาๆหายๆ

จะตื่นตะหนกเป็นพักๆ ไม่ได้เป็นตลอดหรือบางรายก็ไม่ได้เป็นบ่อย จะพบอาการก็ต่อ    หูตึงรักษาหายไหม   เมื่อคนไข้รู้สึกตื่นตะหนกกับเหตุการณ์นั้นๆ หมายถึงระบบประสาทของคนที่เป็นนั้นทำงานเร็วเกินปกติ มักพบได้จากผู้ที่เครียด นอนไม่เพียงพอ หรืออะไรก็ตามที่ก่อให้เกิดประสาทรวน

 

2.โรคซึมเศร้า

โดยในยุคนี้เรามักจะรู้จักกันดีเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า โรคนี้มีสาเหตึหลักมาจากกรรมพันธุ์ หรือนิสัยส่วนตัว อาการที่พบมากก็น่าจะเป็นแบบหดหู่ เบื่อหน่าย ซึ่งหลายคนก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นกำลังเป็นโรคซึมเศร้า หรืออาการเบื่อ โดยจะมีการเบื่อทุกสิ่งรอบๆตัว เบื่อไปหมดสะทุกอย่าง เห็นหรือเจออะไรก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย

หรือเบื่อจนไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เบื่ออยากตาย แต่ก็ไม่เศร้าอะไรแค่รู้สึกเบื่อไปหมดเท่านั้น รู้สึกผิดง่าย ชอบโทษตัวเอง ซึ่งใครที่มีอาการนี้ก็ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะถ้าไม่รีบรักษาก็อาจจะปล่อยจนเสียชีวิตได้

 

3.โรคจิตเภท

พูดง่ายๆคือโรคจิต พวกที่มีประสาทหลอน หูแว่ว หรือหวาดระแวง สามารถสังเกตได้ง่าย แต่การรักษาค่อยข้างยาก ส่วนใหญ่แล้วอาการหนักรักษาไม่หาย เน้นกินยาเป็นประจำขาดไม่ได้ไม่งั้นอาการจะกำเริบ ทำให้หนักหรือคุมคั่งได้ง่าย

โดยจากสถิติของคนที่เป็นโรคเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น หากคุณมีอาการที่ผิดปกติหรือมองว่าตนนั้นเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ก็ควรรีบทำการรักษาในทันที ซึ่งบุคคลที่มีปัญหาทางด้านนี้หรือมีปัญหาอื่นๆกับคนรอบข้าง ก็ควรที่จะมาปรึกษาหมอ

ความเครียดส่งปัญหาต่อร่างกายมนุษย์เราอย่างไร

หากย้อนหลังไปในอดีต เราจะเห็นได้ว่าความเครียดนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะจับต้องได้ โดยส่วนใหญ่เรามักจะสนใจแค่ตับดี ไตดี กล้ามใหญ่ หรือไขมันน้อย แต่ทว่าได้เปลี่ยนไป พอเข้าสู่ยุคเหล่านี้จะเห็นได้ว่าทางการแพทย์ได้มีการพัฒนามากขึ้น โดยในยุคนี้ได้มีการพัฒนาสามารถที่จะดูข้อมูลจากในเลือดของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเจาะ หรือว่าการนำเลือดไปตรวจ แล้วสามารถที่จะบ่งบอกไปถึงสภาวะเกี่ยวกับความเครียดของจิตของเราได้แล้วนะ

 

สำหรับอวัยวะที่เป็นการกำหนดหรือการเข้ามาควบคุมทางด้านความเครียดต่างๆของร่างกาย นั่นก็คือสมองของเรา แต่นอกจากกนั้นก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เรียกว่าต่อมหมวกไต โดยมีชื่อเรียกที่เป็นภาษาอังกฤษว่า Adrenal Gland โดยจะมีลักษณะเป็นต่อมที่มีขนาดเล็ก เกาะอยู่บนไตของเราทั้งสองข้างด้วยกัน ถ้าหากว่าใครก็ตามที่เคยดูหนังจีนในเวลาที่เขาแมะเสร็จ พวกเขาจะมีการเรียกต่อมหมวกไตนี้ว่า ชี่ หรืออีกอย่างว่าพลังชีวิต โดยถ้าเทียบว่าการมีชี่เยอะก็เท่ากับว่าจะมีพลังงานชีวิตเยอะ จึงทำให้เรี่ยวแรงก็ดีตามไปด้วย

โดยปัจจุบันนี้ต่อมหมวกไตจะทำการหลั่งฮอร์โมนที่เป้นสำคัญๆ ทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน ที่ข้องเกี่ยวกับความเครียดของเราโดยมีดังนี้

ตัวที่ 1. มีชื่อว่า คอร์ติซอล สำหรับในทางสายกลางหากว่ามีเยอะจนเกินไปเราจะเรียกมันว่าความเครียด

ตัวที่ 2. มีชื่อเรียกว่า DHEA โดยสำหรับ DHEA นี้เราจะเรียกมันว่าตัวต่อต้านฮอร์โมนความเครียด

 ซึ่งทั้งสองตัวนี้จะมีการทำงานให้มันบาลานซ์กัน โดยถ้าหหากว่าฮอร์โมนเครียดของคนเรามีเยอะ จะทำให้ตัวนี้เหลือน้อยลง และถ้าหากว่าฮอร์โมนเครียดของเรามีน้อยก็จะส่งผลให้ DHEA มีเยอะมากขึ้น ถ้าจะให้จำง่ายๆจะเป็นดังนั้น คอร์ติซอลต้องอย่ามีเยอะหรือมีมาก เพราะจะต้อง DHEA เยอะๆมากเช่นกัน

ซึ่งในขณะเดียวกันเวลาที่มีคอร์ติซอลหรือเวลาที่มฮอร์โมนเครียดที่เยอะ ก็จะทำการส่งข้อมูลที่เป็นสัฤญญาณโดยผ่านสแปรงนิค เนิร์ฟ (Splanchnic nevrve) ส่งขึ้นไปยังส่วนที่เป็นสมองของเรา จากนั้นจะส่งผลให้เกิดความเสียหายขึ้นมาอีกมากมาย และเมื่อเวลาที่เรานั้นมีคอร์ติซอลที่เยอะขึ้น

จะส่งผลให้เกิดสารที่เป็นสารอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเยอะตามไปด้วย หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ (Free Radical) คือมันจะเข้าไปทำร้ายร่างกาย ทำลายเกี่ยวกับเซลล์ ส่งผลทำให้เราเกิดความเจ็บป่วยขึ้นได้ ซึ่งเวลาที่พวกเรามีสารฮอร์โมนที่เกิดความเครียดที่สูงขึ้น ก็จส่งผลก่อให้เกิดความอักเสบที่เยอะขึ้นไปด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก